Friday, November 30, 2007
มีความลับมาบอก...
ในจำนวนนี้มี 5 ราย ใช้ Pojjaman.CBS หล่ะ (10% เลยนะเนี่ย)
ถึงเดือนก่อนเรามีลูกค้า 70 ราย
- 9 ใน 70 ราย เป็นบริษัทรับเหมาที่เพิ่งเปิดกิจการได้ไม่ถึง 1 ปี
ต้องการสร้างระบบบัญชีและควบคุมต้นทุนให้แข็งแรงตั้งแต่เริ่ม
- เกือบ 2 ใน 3 ของลูกค้าเรา มีรายได้ต่อปีมากกว่า 10 ล้านบาท
และมีการส่งงบการเงินอย่างต่อเนื่อง
- ครึ่งหนึ่งของลูกค้าเรา ทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท
ถึงจะเล็กๆ แต่ก็รับงานใหญ่กว่าทุนจดทะเบียนกันทั้งนั้น
บางราย มีรายรับทั้งปีสูงกว่าทุนจดทะเบียนเกิน 100 เท่า
- 27% ของลูกค้าเรา มีรายได้ต่อปีมากกว่า 100 ล้านบาท
ส่วนใหญ่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องทุกปี แม้เศรษฐกิจขาลงแบบนี้
- เฉลี่ยแล้วแต่ละบริษัท ใช้ Client 6.54 ตัว/ 1 Server
เพิ่มขึ้น 12.18% จากการสำรวจครั้งก่อน เมื่อเดือน มิถุนายน 2007 ตอนนั้น แค่ 5.83 เอง
Wednesday, November 28, 2007
MD go to ESARN
ซึ่ง จะไปเริ่มที่ขอนแก่น เพื่อร่วมทางไปพร้อมกับ ทาง Distributor ภาคอีสาน
หวังว่า คงจะทำให้ลูกค้าที่อยู่ในช่วงตัดสินใจ ได้เข้าใจโปรแกรมของเรามากขึ้นนะครับ
Tuesday, November 20, 2007
Pojjaman 500 Clients MileStone Reached
ขอบคุณทุกความไว้วางใจ จากลูกค้าทุกท่าน
ยังไงเราก็ยังไม่หยุดพัฒนาความสามารถใหม่ๆ ของ Pojjaman.CBS
เพื่อให้เป็น สุดยอดโซลูชั่นสำหรับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างให้ได้
ช่วงนี้ มีลูกค้าต่างประเทศติดต่อเข้ามาเยอะขึ้น
รอเดี๋ยวนะครับ ปีหน้าน้องพจมานจะโกอินเตอร์ (ไม่ได้ไปแค่ลอนดอนแน่นอน)
Tuesday, November 6, 2007
Seminar Again
ซึ่งงานนี้เราเน้น ให้แสดงความสามารถต่างๆ ของ Pojjaman
และ Case Study ในการวางระบบบัญชีและการทำงาน เพื่อเพิ่ม
ความรวดเร็วในการเปลี่ยนแปลงระบบ
หวังว่า คราวนี้ท่านที่สนใจ และสงสัยตัวโปรแกรม คงจะได้รับคำตอบ
มากขึ้นแน่ๆ
Monday, October 22, 2007
นับถอยหลัง 3 วัน
ได้รับเนื้อหาจากทาง ดร.กองกูล มาแล้ว
โชคดีที่ วิทยากรเข้าใจ ไม่เตรียมเนื้อหาแบบเอาใจพวกเรา
แต่หวังให้คนที่เข้าร่วมได้รับประโยชน์มากกว่า
พวกเราชาวลองกองก็หวังเช่นนั้นเหมือนกัน
เพราะพวกเราหวังจะได้ เรียนรู้จาก วิทยากร
และหวังจะได้ข้อมูลจากผู้ร่วมฟัง
เพื่อที่เราจะปรับปรุงโปรแกรม ให้มีประโยชน์
ตอบสนองต่อลูกค้ามากที่สุด
พวกเราตื่นเต้นกันมากครับ
Wednesday, October 17, 2007
เตรียมงานสัมมนา
นี่เป็นการจัดสัมมนาครั้งแรกของเราเลย ตอนแรกก็กลัวจะไม่มีคนมาฟัง
แต่ถึงวันนี้มีคนลงทะเบียนกว่า 100 คนแล้ว...ค่อยโล่งอกหน่อย
กลายมาเป็นความกดดันแทน เพราะผู้เข้าร่วมงานคงมีความคาดหวังต่างๆ กันไป
ทางเราก็หวังว่าจะตอบในสิ่งที่เค้าคาดหวังได้บ้าง อาจจะไม่ทั้งหมด
แต่คงทำให้เกิดไอเดียไปประยุกต์ใช้กันต่อได้บ้าง
การเตรียมความพร้อมทั่วไปคงเกือบๆ 70% แล้ว
นับถอยหลังอีก 8 วัน
ป.ล. ในงานนี้เราจะได้เปิดตัว GigaSite อย่างเป็นทางการด้วย
หลังจากโดนโรคเลื่อนมาเดือนกว่าๆ... สไตล์บริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่เค้าหล่ะ...
Tuesday, October 9, 2007
ลองกอง สตูดิโอ ได้รับรางวัลในงาน TICA Night 2007

เฮ้ พวกเรา ลองกอง ได้รางวัล รองชนะเลิศ หมวด Start-up Bussiness จากงาน Thailand ICT Award 2007 มาวันนี้(9/10/2550)
งานนี้มีทั้งหมด 15 หมวด บริษัทที่เข้ารอบ 2 มีประมาณ 4 บริษัท ต่อ 1 กลุ่ม นะครับ แต่ละกลุ่มก็มี รางวัลชนะเลิศ กับ รองชนะเลิศ 2 รางวัล
สำหรับที่เราได้รองชนะเลิศนั้นเนี่ย กลุ่มเรา มีบริษัทได้รางวัลรองชนะเลิศ 2 บริษัท คือ เรากับ Decision Solution (EXR Visualize สุดหรู) แต่ที่สำคัญไม่มีคนได้รางวัลชนะเลิศครับ แปลว่าในอีกมุมเราก็ได้อันดับ 1 คู่นั่นเอง
เรื่องนี้ก็เกิดความคาดหมายอยู่นิดนึงนะครับพี่น้อง เพราะได้คุยกับกรรมการที่ตัดสินคนนึงเขาบอกกว่าคณะตัดสินนี้โหดมาก เขาไปเน้นมองที่ความน่าลงทุนของธุรกิจซะมากกว่า Product ซึ่งในการนำเสนอเราเองก็ไม่ได้เน้นจุดนั้นด้วยซ้ำไป(ใครจะไปรู้ว่างาน ICT จะต้อง Present ความน่าลงทุนเป็นหลักด้วย)
Wednesday, October 3, 2007
ใครว่าโลกแบน?
ใน สายตาของผู้ชื่นชม โดยเฉพาะชนชั้นกลางผู้หลงใหลในเทคโนโลยีสมัยใหม่ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของ ชีวิตประจำวันไปแล้ว โลกาภิวัตน์เป็นพลังวิเศษที่กำลังเชื่อมโลกทั้งใบเข้าด้วยกัน ทำให้โลก ‘แบนลง’ อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ดังคำกล่าวของ ธอมัส ฟรีดแมน (Thomas Friedman) ผู้เขียนหนังสือขายดีเรื่อง “The World Is Flat: A Brief History of the Twenty-first Century” (โลกแบน: ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของศตวรรษที่ 21)
แต่ในสายตาของผู้สังเกต การณ์จำนวนมาก โลกาภิวัตน์เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในประเทศต่างๆ ถ่างตัวมากขึ้นกว่าเดิม ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมขยายวงกว้างเป็นปัญหาระดับโลก และบริษัทยักษ์ใหญ่ใช้อำนาจทุนและอิทธิพลทางการเมืองระรานอธิปไตยของประเทศ กำลังพัฒนา โดยใช้ ‘การค้าเสรี’ เป็นข้ออ้างบังหน้า
ผู้ ต่อต้านโลกาภิวัตน์หลายคนถึงกับมองว่า โลกาภิวัตน์เป็น ‘ตัวการ’ ที่ทำให้โลกเราแย่ลง ทั้งๆ ที่โลกาภิวัตน์เป็น ‘เหตุการณ์อุบัติเอง’ คล้ายกับระบบตลาด ที่เกิดจากการกระทำของคนจำนวนมาก แต่ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งควบคุมหรือชักใยอยู่เบื้องหลัง
ใน “The World Is Round” (โลกกลม) บทวิจารณ์หนังสือเรื่อง The World Is Flat จอห์น เกรย์ (John Gray) ได้วิพากษ์วิจารณ์ความตื้นเขินของแนวคิดที่มองโลกาภิวัตน์ในแง่ดีด้านเดียว ไว้อย่างคมคายน่าคิดดังต่อไปนี้ (อ่านบทวิจารณ์ฉบับเต็มได้ในภาคผนวกของหนังสือเล่มนี้):
“…[ฟรีดแมนมองไม่เห็นว่า] ในหลายๆ มิติ รวมทั้งมิติที่สังเกตได้ไม่ยาก โลกเรากำลังแบนน้อยลงเรื่อยๆ แม้ว่าฟรีดแมนจะยอมรับในการดำรงอยู่ของโลกที่ “ไม่แบน” นั่นคือ โลกที่ประกอบด้วยคนจำนวนมากที่ไม่ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ เขากลับไม่เคยเชื่อมโยงการเติบโตของโลกใต้ดินของผู้ยากไร้ใบนี้ เข้ากับความก้าวหน้าของโลกาภิวัตน์ ความล้มเหลวข้อนี้ของฟรีดแมนดูน่าหัวเราะในบางครั้ง เช่น ตอนที่ฟรีดแมนเล่าถึงประสบการณ์ของเขาที่ไปเยือนสำนักงานใหญ่ของบริษัท อินโฟซิส (Infosys) ในกรุงบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย:
“ทางไป บริษัทอินโฟซิสคือถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ที่มีวัวศักดิ์สิทธิ์ รถลากพลังม้า และรถลากพลังคนแออัดเบียดเสียดอยู่ข้างๆ รถตู้ของเรา แต่เมื่อคุณผ่านประตูหน้าของอินโฟซิสเข้าไป คุณจะเข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่ง สระว่ายน้ำขนาดใหญ่เท่าในรีสอร์ทอยู่ท่ามกลางหินประดับ และสนามหญ้าเรียบกริบ ข้างๆ กรีนพัทกอล์ฟ ในบริเวณเดียวกันมีร้านอาหารหลายร้าน และคลับสุขภาพชั้นเลิศ”
ฟรี ดแมนระบุข้อสังเกตว่าบริษัทอินโฟซิสผลิตไฟฟ้าใช้เอง แต่เขาไม่ตั้งคำถามว่าบริษัทมีเหตุจำเป็นอันใดที่ทำแบบนี้ และก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องความแตกต่างของระดับชีวิตความเป็นอยู่ใน ภูมิภาค ที่ข้อสังเกตนั้นเป็นสัญลักษณ์ ทั้งๆ ที่การแยกตัวออกมาเป็นเอกเทศจากชุมชนท้องถิ่น เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อินโฟซิสสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมี ประสิทธิภาพ อินโฟซิสเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า โลกาภิวัตน์ไม่ช่วยลดระดับความไม่เท่าเทียมกัน (inequalities) ในตลาดโลก ความสำเร็จของบริษัทเกิดจากอภิสิทธิ์ในการใช้บริการ และสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ชุมชนเพื่อนบ้านของเขาขาดแคลน”
ในความเห็นของผู้เขียน อันตรายของโลกาภิวัตน์อยู่ในแนวโน้มที่บริษัทยักษ์ใหญ่และรัฐบาลที่ถูก อำนาจทุนครอบงำ จะใช้มันเป็นเครื่องมือในสร้างความมั่งคั่งและปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง ในทางที่ลิดรอนประโยชน์ส่วนรวมลงไปเรื่อยๆ
แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่ทำให้กระแสโลกาภิวัตน์เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น คือความจริงที่ว่ามันสามารถมอบ ‘พลัง’ ให้ประชาชนคนธรรมดาๆ ทั่วโลก ให้สามารถรวมพลังกันผ่าน ‘โลกเสมือน’ ในอินเทอร์เน็ต เป็น ‘มหาอำนาจแห่งที่สอง’ ที่สามารถกดดันผู้มีอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองในโลกแห่งความจริงได้ และทำให้วัฒนธรรมอันหลากหลายได้มาปะทะสังสรรค์กันในทางที่มีพลวัตมากกว่าใน อดีต และการปะทะสังสรรค์กันนั้นเองก็จะช่วยทลายกำแพงอคติทั้งมวล ที่มีรากมาจากความไม่รู้
องค์ความรู้ไร้พรมแดนที่เกิดขึ้นได้ เพราะโลกาภิวัตน์ ทำให้เราตระหนักว่ามนุษย์เราแตกต่างกันเพียงใด แต่มันก็ทำให้เรารู้ด้วยว่า ความทุกข์ยากและความเดือดร้อนของเรานั้นมีส่วนคล้ายกันเพียงใด
‘ระเบียบ โลกใหม่’ ที่ใครต่อใครถวิลหา อาจเกิดขึ้นจริงในอนาคตจากพลังของประชาชนคนธรรมดาทั่วโลก ผู้กำลังล่องคลื่นโลกาภิวัตน์อย่างแข็งแกร่ง ยืนหยัดต่อรองกับพลังของอำนาจรัฐและอำนาจทุนอย่างไม่ย่อท้อ ด้วยเครื่องมือชนิดเดียวกันกับที่พวกเขาใช้
ผู้เขียนขอขอบคุณ คุณบุญลาภ ภูสุวรรณ บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ผู้เปิดพื้นที่ให้กับคอลัมน์ “ล่องคลื่นโลกาภิวัตน์” ในหน้าหนังสือพิมพ์ อาจารย์ปกป้อง จันวิทย์ และกอง บ.ก. โอเพ่นออนไลน์ทุกท่าน คุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา บรรณาธิการสำนักพิมพ์ openbooks และคุณวรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง ซึ่งได้ช่วยตรวจทานและแก้ไขปรับปรุงต้นฉบับอย่างละเอียด หากเนื้อหายังมีที่ผิดประการใด ย่อมเป็นความผิดของผู้เขียนเอง ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้
หวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นส่วนเล็กๆ ที่ช่วยให้ผู้อ่านทุกท่านล่องคลื่นโลกาภิวัตน์อย่างรู้เท่าทันมากขึ้น มีอาการเมาเรือน้อยลงกว่าเดิม และสะกิดใจให้พวกเราทุกคนช่วยกันคิดหาหนทางที่เรือลำเล็กชื่อประเทศไทย จะสามารถล่องกระแสอันเชี่ยวกรากนี้ได้อย่างยั่งยืน และไม่ทอดทิ้งผู้ยากไร้ทั้งหลาย ผู้ไม่มีวันเข้าถึงประโยชน์ของโลกาภิวัตน์โดยลำพังได้ ไว้กลางทะเลลึก.
ที่มา: onopen
Sunday, September 23, 2007
สังเวียนแรก

ผมก็ได้โฉบไปโฉบมา ทั้ง 2 วัน โดยมีท่าน MD ของเราเป็นตัวยืน (ขาแข็ง) อยู่ตลอด
เพราะเค้าขู่ว่าจะมีท่านคณะกรรมการมาตรวจแบบไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
แต่ก็ไม่รู้ว่ากรรมการหาบูธเราไม่เจอหรือยังไง ก็ดันมาอยู่ทำเลดีขนาดนี้
เราเลยได้เจอกรรมการที่เราเคย present รอบก่อน แค่ 2 ท่านเอง
ที่เหลือมาแต่หาเราไม่เจอ / ไม่ได้มา หรือว่า ปลอมตัวมา... ก็ไม่รู้
ได้เห็นว่าผู้พัฒนาซอฟต์แวร์รายอื่น เค้าก็พยายามกันมากมาย และซอฟต์แวร์ไทยนี่ก็ไม่ใช่ขี้ๆ แฮะ
เจ๋งๆ กันทั้งนั้น มีทั้งพวกเก๋าและพวกกี้ก มารวมกัน เพราะมันคือธุรกิจซอฟต์แวร์จริงๆ
ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีกับการประกวดประขันกับเค้าครั้งแรกของ ลองกอง สตูดิโอ และ พจมาน.ซีบีเอส
ผลจะออกมาเป็นยังไง... ก็ลุ้นกันเอาอีกทีวันที่ 9 ตุลา นี้ครับ
Tuesday, September 18, 2007
1,000 Registered Users: Celebration
จำนวนผู้ลงทะเบียนใน http://www.longkongstudio.com/ ครบ 1,000 คน
เราก็เตรียมอวดโฉมเว็บบริษัทโฉมใหม่ เร็วๆ นี้...
ต่อไปนี้ต้องขยัน update กันหน่อยแล้ว :)
Friday, September 14, 2007
"พจมาน" (เกือบได้) พบ "อภิสิทธิ์"
เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2550 ณ ห้องเวิลด์ บอลล์รูม โรงแรมเซนทาร่า-เซนทรัลเวิลด์ และได้มีโอกาสตั้งบูธประชาสัมพันธ์ในงานนี้ด้วย
ในงานมีระดับบิ๊กๆ มาขึ้นเวทีด้วย
คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
คุณกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
คุณพลพัฒ กรรณสูต นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
ในงานก็ได้รับ feedback ดีพอสมควร กับกลุ่มผู้บริหารบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มาร่วมงาน
ผมเก็บเอาเนื้อหาจากงานสัมมนามาฝากด้วย (copy มาจาก matichon.co.th อีกที)
นายพลพัฒ กรรณสูต นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
กล่าวในงานสัมมนา 'ทิศทางและอนาคตอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย' เมื่อวันที่ 13 กันยายน
ว่า ภายหลังการปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
การจ้างงานของภาครัฐได้หยุดลง ส่งผลให้เป็นหลุมดำของอุตสาหกรรมก่อสร้าง
ผู้รับเหมารายใหญ่ยังพอเอาตัวรอด เนื่องจากออกไปรับงานในต่างประเทศได้
แต่ขนาดกลางและขนาดเล็กอยู่ในสภาพลำบาก และหากมีงานทำบ้างก็มีการฮั้วกัน
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด
(มหาชน) กล่าวว่า สำหรับภาวะการใช้ปูนซีเมนต์ในช่วงที่ผ่านมา
จากตัวเลขของสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
ระบุตัวเลขการก่อสร้างทั่วประเทศปีนี้มีมูลค่ารวม 710,400 ล้านบาท
ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.2% และคาดว่าในปี 2551
จะมีมูลค่าการก่อสร้างทั่วประเทศไม่น่าจะต่ำกว่า 740,800 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ในภาพรวมพบว่าในปี 2549 ลดลงจากปีก่อนหน้า 2%
ขณะที่ในไตรมาส 1 ในปีนี้ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.5% ขณะที่ไตรมาส 2
ลดลง 8% และคาดว่าในไตรมาส 3 จะลดลง 5-6% ดังนั้น คาดว่า ทั้งปี 2550
การใช้ปูนซีเมนต์จะลดลงจากปี 2549 ประมาณ 5-10% ถือว่าต่ำสุดในรอบ 10 ปี
และเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มีการใช้ปูนซีเมนต์ติดลบ และเมื่อเปรียบกับเวียดนามพบว่า ปีนี้เวียดนามใช้ปูนซีเมนต์จำนวน 36 ล้านตัน
ขณะที่ประเทศไทยจะมีปริมาณการใช้อยู่ที่ประมาณ 28-29 ล้านตัน และคาดว่าใน 3 ปีข้างหน้า เวียดนามจะมีการใช้ปูนซีเมนต์ประมาณ 49 ล้านตัน
โดยส่วนใหญ่จะไปในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
ส่วนวัสดุก่อสร้างอื่นๆ พบว่าการใช้เหล็กลดลง 4% ไฟเบอร์ซีเมนต์ลดลง 15%
กระเบื้องหลังคาคอนกรีตลดลง 10% กระเบื้องเซรามิคลดลง 7%
คาดว่าในปีหน้าการใช้เหล็กน่าจะโตขึ้น 4% และปูนซีเมนต์จะโตประมาณ 6% ทั้งนี้
ในปีนี้พบว่าใน กทม.มีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้น 639 โครงการ มูลค่าประมาณ 87,500
ล้านบาท นายกานต์กล่าว
หลังงานเสวนา คุณอภิสิทธิ์ก็รีบออกไปเลย เห็นว่าจะต้องไปบรรยาย (หาเสียง) อีกงานนึง... เลยไม่ได้พบกับ Pojjaman.CBS ของเราเลย
Friday, August 31, 2007
TICTA 2007 - Finalist
Monday, August 20, 2007
Longkong: A fruit of Friendship
I think Longkong's bunchy looks make people think about friendship.

By the way, Let's take a look what 'Longkong' is...
[Credit: wikipedia.org]
Longkong or Lansium domesticum was originally native to the Malaysian peninsula.
Agriculturally, the tree is grown throughout the entire Southeast asian region, ranging from Southern India to the Philippines for its fruit. In the Philippines, the plant is grown mostly on the northern island of Luzon due to the species' narrow range of conditions favorable to its survival. Within mainland Asia, the tree is cultivated in Thailand, Vietnam and India, as well as its native Malaysia. Outside the region, it has also been successfully transplanted and introduced to Hawaii and Surinam.
It is known variously as the langsat (Malay), lansones (Filipino), lansa, langseh, langsep, lanzon, lanzone, lansone, longkong (Thai), duku (Indonesian) or kokosan.
.
.
.
If we can sell our products in SouthEast Asia, Do we need to localize our company name?
e.g. Langsat Studio Sdn Bhd... for Malaysian Market
...Sounds cool?
Wednesday, August 15, 2007
เป้าหมาย และความตั้งใจ
จากช่องทางที่พบเห็น อย่างปฏิเสธไม่ได้
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า มีเส้นทางการลงทุนลงแรงอื่นที่ง่ายกว่ามาก
เสี่ยงน้อยกว่าด้วย
เพราะเราคาดหวังว่า เราจะเป็นแรงผลักดันให้วงการก่อสร้างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เคลื่อนไหวตัวเร็วขึ้น เพื่อการแข่งขันในอนาคต
ด้วยเหตุนี้ นอกจากโปรแกรมแล้ว พวกเรายังให้ความสำคัญกับการบริการ
ทั้งบริการในแง่ของโปรแกรมปกติ และการวางระบบงาน(Implement) เพื่อให้
ลูกค้าได้รับประโยชน์จากข้อมูลที่ถูกต้อง ทันสมัย ได้อย่างคุ้มค่า